ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 เร่งรัดปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สินและตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
สืบเนื่องจากคดีนี้ ผู้เสียหายแจ้งว่าได้มีคนร้ายโทรมาอ้างเป็นเจ้าหน้าไปรษณีย์ไทย สำนักงานใหญ่ แจ้งว่ามีพัสดุผิดกฎหมายจัดส่งในนามผู้เสียหาย หลังจากนั้นได้โอนสายให้กับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง โดยอ้างว่า ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน และคดียาเสพติดจำนวน 20,000 เม็ด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ให้ผู้กล่าวหาโอนเงินไปตรวจสอบ หากไม่เกี่ยวข้องจะได้รับการคุ้มครองจาก ปปง. และโอนเงินทั้งหมดคืนให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อกลอุบายของคนร้ายจึงได้โอนเงินไปให้คนร้ายจำนวน 2 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายจำนวน 91,369.94 บาท
พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ผบช.สอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนดำเนินการสืบสวนและเร่งรัดจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี
ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ท.สมพร บุตรวงศ์ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และวางแผนจับกุม จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาดังกล่าวได้ คือ นางสาวสาวิกา อายุ 29 ปี ชาวอำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นตนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดย ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน