“ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” โพสต์ข้อความ กรณี “จอนนี่ มือปราบ” – “บิ๊กเต่า” ล่าสุดผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ!
“จอนนี่ มือปราบอินดี้”: ขวัญใจประชาชนผู้ผันตัวเป็นผู้วิจารณ์ระบบ
“จอนนี่ มือปราบ” ถือเป็นตัวอย่างเด่นของตำรวจยุคโซเชียลที่แจ้งเกิดจนโด่งดังนอกเหนือเครื่องแบบ เขาเริ่มต้นอาชีพในฐานะนายตำรวจสืบสวนที่มีผลงานปราบอาชญากรรมโดดเด่นหลายคดี กล้าลุยงานหนักถึงขั้นปลอมตัวเข้าถ้ำเสือเพื่อจับคนร้าย จนได้ฉายาว่าเป็นมือปราบขาลุยที่ประชาชนยกย่อง และกลายเป็นขวัญใจชาวเน็ตเมื่อเรื่องราวแนวฮีโร่ของเขาถูกเผยแพร่ออกไป
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ “อินฟลูฯ ตำรวจผู้โด่งดัง” รายนี้กลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดไป ชื่อเสียงที่เพิ่มพูนขึ้นทำให้เขาเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาและการเมืองอย่างเปิดเผย จนเกิดความขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในองค์กร ในช่วงกลางปี 2568 มีนายตำรวจยศ ร.ต.อ. รายหนึ่งเข้าแจ้งเรื่องร้องเรียนที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของจอนนี่ว่าการโพสต์ “ด่า” ผู้บังคับบัญชาระดับสูงรวมถึงวิจารณ์นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้นคือ น.ส.แพทองธาร “อิ๊งค์” ชินวัตร) เข้าข่ายผิดวินัยหรือไม่ อีกทั้งขอให้สอบที่มาทรัพย์สินจำนวนมากของเขาว่าสอดคล้องกับรายได้ราชการหรือเปล่า กรณีนี้ “รองเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ รับลูกสั่งตรวจสอบทุกมิติอย่างจริงจัง และย้ำว่าจะให้ความเป็นธรรม ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
ท่ามกลางมรสุมข่าวและแรงกดดันจากคดีต่างๆ จอนนี่ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเมื่อช่วงต้นปี 2568 ว่าเขาตัดสินใจจะลาออกจากราชการตำรวจในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569 โดยให้เหตุผลว่าตนมีอุดมการณ์ที่ “ขัดกับระบบ” จึงจำเป็นต้องยุติเส้นทางตำรวจ พร้อมประกาศจะ “ทิ้งชื่อเสียงไว้ว่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นตำรวจที่มีผลงานและประชาชนรักและศรัทธา” การประกาศลาออกล่วงหน้าของเขาสร้างความใจหายให้แฟนคลับจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงรอยร้าวที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเขากับระบบตำรวจปัจจุบัน
“บิ๊กเต่า” จรูญเกียรติ: นายตำรวจตงฉินกับบทบาทอินฟลูฯ ทางการ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือที่สื่อมวลชนขนานนามว่า “บิ๊กเต่า” เป็นนายตำรวจรุ่นใหญ่ที่กำลังขึ้นมามีบทบาทโดดเด่นทั้งในแง่งานปราบปรามคอร์รัปชันและการสื่อสารภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ เขาเติบโตในสายงานปราบปรามโดยสร้างชื่อจากผลงานการนำทีมจับกุมผู้มีอิทธิพลและคดีใหญ่ระดับประเทศหลายคดี เช่น การบุกจับกุม “ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้องเรียนชื่อดัง และ การทลายเครือข่ายทุจริต “รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา” อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งอาศัยความกล้าหาญและความตรงไปตรงมาในการทำงาน ผลงานเหล่านี้ทำให้ชื่อของจรูญเกียรติโด่งดังในหมู่ประชาชนในฐานะ “นายตำรวจที่กล้าทำ กล้าชน และไม่ยอมจำนนต่ออิทธิพล” พร้อมกันนั้นเขายังได้รับการยอมรับภายในองค์กร ได้รับโปรโมชันอย่างรวดเร็วจนก้าวสู่ตำแหน่งรองผู้บัญชาการสอบสวนกลางในปัจจุบัน
ฉายา “เต่ากัดไม่ปล่อย” ที่หลายคนเรียกขานจรูญเกียรติ สื่อถึงความมุ่งมั่นไม่ลดละในการลุยสอบสวนคดีจนกว่าจะถึงที่สุด ซึ่งเห็นได้ชัดจากบทบาทล่าสุดของเขาในการไล่ตรวจสอบกรณีของจอนนี่ มือปราบ จรูญเกียรติมักปรากฏตัวให้สัมภาษณ์สื่อในคดีสำคัญต่างๆ ด้วยบุคลิกสุขุมและถ้อยคำเด็ดขาด ยืนยันหลักการว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงหรืออิทธิพลเพียงใดก็ตาม และตำรวจจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกับทุกคน ในกรณีของจอนนี่ เขาได้เน้นย้ำกับบรรดาแฟนคลับของอีกฝ่ายผ่านสื่อว่าให้ “ตั้งสติ” และมองเรื่องนี้ตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย อย่าให้ความรักความศรัทธาบดบังความถูกต้อง โดยยืนยันว่าการดำเนินการตรวจสอบจอนนี่นั้นทำอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรม ไม่ใช่การกลั่นแกล้งกันเองในวงการตำรวจ
นอกจากบทบาทด้านปราบปราม จรูญเกียรติยังเป็นเหมือน “อินฟลูฯ ทางการ” ขององค์กรตำรวจยุคใหม่ ที่พร้อมเผชิญหน้ากับอินฟลูฯ นอกแถวทั้งหลาย เขาใช้ช่องทางสื่อมวลชนในการสื่อสารแนวคิดปฏิรูปและความโปร่งใสของตำรวจอยู่บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น กรณีมีอินฟลูเอ็นเซอร์สายกฎหมายท่านหนึ่งออกมาเตือนจรูญเกียรติว่า “อย่าให้สัมภาษณ์ทุกเรื่อง ระวังจะโดนฟ้องจนติดคุกอดเป็น ผบ.ตร.” เจ้าตัวก็ตอบโต้กลับอย่างมีนัยว่า “อยากติดคุกเหมือนกัน” เพื่อชี้ให้เห็นว่าเขาพร้อมรับความเสี่ยงในการพูดความจริงและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตามนโยบายที่ ผบ.ตร. อยากให้ตำรวจยุคใหม่เป็นผู้นำทางความดีในสังคมออนไลน์ ท่าทีเช่นนี้ส่งสัญญาณว่าผู้บริหารตำรวจรุ่นใหม่ต้องการทวงคืนพื้นที่สื่อออนไลน์จากอินฟลูฯ นอกระบบ ด้วยการให้ตำรวจน้ำดีที่มีอุดมการณ์เข้ามามีเสียงแทน