Thursday, 19 September 2024

ธกส.เปิดให้ยืม วงเงิน 100,000 บาท

“ลดค่าน้ำค่าไฟ” 7 เดือน หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 ถึงเดือนเมษายน 2566 เป็นระยะเวลา 7 เดือน จากเดิมสิ้นสุด 30 กันยายน 2565 เปิดวิธี ลงทะเบียน “ลดค่าน้ำค่าไฟ” พร้อมเช็คเงื่อนไขใหม่

กรณีที่มีการเริ่มใช้สิทธิแก่ผู้ได้รับสิทธิจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ก่อนเดือนเมษายน 2566 ให้มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนที่จะเริ่มให้สิทธิ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ค่าไฟฟ้า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปจะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าจากมาตรการของรัฐบาล โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากประชาชนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี ดังนั้น ภายใต้มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าสำหรับผู้มีบัตรฯ จะเป็นกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยจะได้รับสนับสนุนค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่หากมีการใช้ไฟฟ้าเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด สำหรับผู้มีบัตรฯ ที่ไม่เคยใช้สิทธิค่าไฟฟ้ามาก่อน และประสงค์จะขอรับสิทธิ สามารถไปลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิได้ที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ
ค่าน้ำประปา สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด สำหรับผู้มีบัตรฯ ที่ไม่เคยใช้สิทธิค่าน้ำประปามาก่อน และประสงค์จะขอรับสิทธิได้ที่สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรฯ
ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องนำใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าและใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปา ไปชำระเงินที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค โดยทุกสิ้นเดือน การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปา ภายใต้วงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม มาจ่ายคืนผ่านบัตรฯ ในช่อง e-Money ของเดือนถัดไป ซึ่งผู้มีบัตรฯ สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่อง EDC แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ และถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้

เงื่อนไข “ลงทะเบียนลดค่าไฟฟ้า” มีดังนี

ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องเป็นผู้มีสิทธิใน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ บัตรคนจน จะได้รับสิทธิ 1 สิทธิต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
ผู้มีสิทธิใน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประจำเดือน ตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้าแต่ไม่เกิน 315 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ต่อครัวเรือนต่อบิลเดือน กรณีที่ค่าไฟฟ้าเกิน 315 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) จะไม่ได้สิทธิจากมาตรการนี้
ผู้ใช้ไฟฟ้าต้องชำระเงินค่าไฟฟ้าเต็มจำนวนตามที่ระบุในใบแจ้งค่าไฟฟ้า และกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินคืนผ่าน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ต่อไป
ผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วยในเดือนใด จะไม่ได้รับสิทธิตามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเดือนนั้น
ผู้มีสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และต้องการใช้สิทธิในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ต้องลงทะเบียนผ่านช่องทางที่ กฟภ. กำหนด และให้ข้อมูลถูกต้องครบถ้วน

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ได้เปิด สินเชื่อ เงินให้กู้ยืม A-Cash Gold เพื่อเสริมสภาพคล่องของเกษตรกร ให้กู้ยืมเงิน รายละ 100,000 บาท เพื่อช่วยลดปัญหา การก่อหนี้นอกระบบที่เป็นภาระหนัก ชำระคืนภายใน 1 ปี ในอัตราดอกเบี้ย MRR สามารถติดต่อได้ที่ธนาคาร ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

จุดเด่น สินเชื่อ A-Cash Gold

ช่วยลดปัญหา และ ป้องกัน การก่อหนี้นอกระบบ ที่เป็นภาระหนัก
อนุมัติวงเงินกู้ยืม รายละไม่เกิน 100,000 บาท
ผ่อนชำระเงินคืนภายใน 1 ปี
คิดในอัตราอัตราดอกเบี้ย MRR
เพื่อฟื้นฟูช่วยเสริมสภาพคล่อง ในการลงทุน หรือ เป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ในครัวเรือน

 

เลือกซื้อเลย
ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นายพงษ์พันธ์ จงรักษ์ ได้ออกมาเผยว่า จากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ โควิค-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพเกษตรกร ทำให้มีรายได้ลดลง ทั้งทางตรง และทางอ้อม เพื่อเป็นการช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อน และป้องกันการก่อหนี้สินนอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูง และไม่เป็นธรรมกับเกษตรกร

ทางธนาคาร เพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร จึงได้เปิดตัว สินเชื่อ เงินให้กู้ยืม A-Cash Gold เพื่อช่วยสนับสนุน ทุกคนให้มีเงินทุน ในการเสริมสภาพคล่อง ประกอบอาชีพ หรือเป็นค่าใช้จ่ายสำรองฉุกเฉินภายในครัวเรือน เป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจต่อไป

เงื่อนไขการสมัคร A-Cash Gold

ต้องเป็นลูกค้าของธนาคาร ธ.ก.ส. และมีบัญชี ธ.ก.ส.
มีประวัติในการชำระหนี้ที่ดี
บุคคลสัญชาติไทย

 

ให้กู้เงินรายละไม่เกิน 100,000 บาท
คิดอัตราดอกเบี้ย MRR ต่อปี ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 6.50 ต่อปี
ชำระเงินคืนภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ทำสัญญา โดยสามารถใช้หลักประกันที่จดทะเบียนจำนองได้ ไม่เกินร้อยละ 95

ผู้ที่สนใจ สินเชื่อเงินด่วน A-Cash Gold สามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ ที่ ธนาคาร ธ.ก.ส. ทุกสาขทั่วประเทศ หรือ โทร 02 555 0555