Saturday, 16 November 2024

แม่ทีม The iCon แอบอ้างชื่อ “คุณหญิงสุดารัตน์” ได้บัตรผู้เสียหายไปเพียบ

วันที่ 12 ตุลาคม 2567 เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โพสต์เตือนด่วนหลังได้รับข้อมูลว่ามีแม่ทีม The iCon Group แอบอ้างว่าเป็นเลขาของคุณหญิง ไปหลอกว่าจะช่วยเหลือผู้เสียหายและได้เก็บเอกสาร บัตรประชาชนของผู้เสียหายไปได้กว่า 200 ใบ

โดยในเพจเตือนว่า “ขออนุญาตแจ้งข่าวนะคะ ดิฉันได้รับการแจ้งข่าวจากผู้หวังดี ที่ส่งชื่อผู้ที่แอบอ้างว่าเคยเป็นเลขาของดิฉัน ต้องการช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยเก็บบัตรประชาชนของผู้เสียหายไป ดิฉันขอยืนยันค่ะ ว่าบุคคลนี้ไม่เคยเป็นเลขาของดิฉันมาก่อน และหากผู้เสียหายจาก #Theicon ต้องการให้ดิฉันและทีมงานช่วยเหลือด้านใด กรุณาติดต่อตรงที่ทีมงานดิฉัน ใน FB นี้เท่านั้นนะคะ กรุณาแชร์ต่อนะคะ”

โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา บอสพอล หรือ วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหาร ดิไอคอนกรุ๊ป (The icon Group) เซอร์ไพรส์เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ท่ามกลางความประหลาดใจของสื่อมวลชนที่เฝ้าสังเกตการณ์ผู้เสียหายที่แห่เข้าให้ปากคำที่กองบังคับการปราบปรามในวันนี้

ก่อนที่บอสพอลจะยอมให้สัมภาษณ์ก่อนพบตำรวจ โดยเปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำและรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ตกเป็นจำเลยของสังคม ในฐานะผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป จนทำให้มีผู้สูญเสียทรัพย์สินจำนวนมากและมีผู้เสียชีวิตเกี่ยวกับค้าขายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และอยากมาแสดงความเสียใจ เพราะหลังจากที่ได้ทราบข่าวรู้สึกไม่ดีมาตลอด จึงมาแสดงความบริสุทธิ์ต่อสังคม และเพื่อออกมาชี้แจงในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น

บอสพอล ยังยอมรับอีกว่า ตนเองออกมาชี้แจงช้ามาก ซึ่งตอนนี้มีความตั้งใจจะช่วยเหลือเยียวยาและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนผู้ที่สูญเสียคนในครอบครัว ทางบริษัทจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไขช่วยเหลือ โดยอาจหาบุคคลที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นมาช่วยเหลือเป็นตัวกลางให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด

ส่วนความเสียหายทั้งหมดที่อ้างว่าเกิดขึ้นจากทางบริษัทของตนเองนั้น ต้องขอพิสูจน์ทราบและฟังคำให้การของฝั่งผู้เสียหายและฝั่งตนเองก่อน หากปรากฎข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ก็เชื่อว่าข้อเท็จจริงจะปรากฎ และประชาชนจะสามารถตัดสินใจได้ว่าใครผิดใครถูก

ส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นว่าบริษัทตนเองถูกกฎหมาย เพราะตั้งบริษัทมา 6 ปี แล้วไม่เคยคิดว่าการขายของออนไลน์ลักษณะนี้เป็นสิ่งผิด และตนเองก็ไม่ใช่เจ้าแรกที่ประกอบธุรกิจนี้ จะเห็นว่ามีรุ่นพี่ในธุรกิจขายของออนไลน์ที่ทำและเติบโตประสบผลสำเร็จ