เมื่อวันที่ 11 กันยายน นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2567 บิ๊กซี ทุ่มงบ 5,000 ล้านบาท เดินหน้ารีโนเวทจำนวน 18 สาขา โดยจะมีการปรับโฉมใหม่ ด้วยงบประมาณ 1,700 ล้านบาท และเปิดเพิ่ม 1 สาขา ภายในปี 2567 นอกจากนี้ยังวางแผนขยายเพิ่ม 3 สาขาภายในสิ้นปี 2568 และจะขยายสาขาบิ๊กซีมินิอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ที่ไม่ใช่แค่มาเดินซื้อของอย่างเดียวแต่ยังต้องการพื้นที่แฮงเอาต์และพักผ่อน รวมถึงเพื่อเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับลูกค้าบิ๊กซีเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน บิ๊กซีมีสาขาทั้งสิ้นกว่า 1,800 สาขา ในไทยและยังขยายไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฮ่องกง กัมพูชา ลาว และเวียดนาม
นายอัศวินกล่าวว่า ขณะเดียวกันในปีนี้มีบิ๊กซีจำนวน 2 สาขา หมดอายุสัญญาเช่าพื้นที่ และตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่า ได้แก่ บิ๊กซี สาขาสุขาภิบาล 3-2 (แยกบ้านม้า) โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 15 กันยายนนี้ และบิ๊กซี สาขารังสิต 2 (ใกล้กับตลาดสี่มุมเมือง) โดยจะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 30 กันายนนี้ ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายดูแลพนักงานทุกคน รวมถึงสามารถโอนย้ายไปทำงานได้ที่บิ๊กซีสาขาใกล้เคียง หรือที่ภูมิลำเนาของพนักงานตามสมัครใจ และสำหรับร้านค้าเช่า ได้มีการเจรจาตกลงร่วมกันกับทางผู้เช่า โดยได้ดูแลและจัดหาพื้นที่เพื่อไปเปิดในสาขาอื่นๆของบิ๊กซีทั่วประเทศ
นายอัศวินกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีบิ๊กซี สาขาราษฎร์บูรณะ จะเปิดให้บริการวันสุดท้าย 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะย้ายไปยังทำเลใหม่ที่ใกล้เคียง เป็นทำเลทองติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ดินของกลุ่มบีเจซี โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568
เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เราใช้ Big Data เข้ามาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน”นายอัศวิน กล่าว