เกิดกรณี นางสาวสุจิตรา กุลจันทร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ”เจ๊แก้ว” อายุ 43 ปีเจ้าของแผงขายทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี หายตัวไปอย่างลึกลับตั้งแต่ช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยครอบครัวได้ออกประกาศตามหาและแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ก่อนจะหายตัวไป “เจ๊แก้ว” ได้พูดคุยกับน้องสาวทางโทรศัพท์เป็นปกติ ขณะกำลังจะเดินทางกลับบ้านจากแผงทุเรียน แต่แล้วก็ขาดการติดต่อและไม่ถึงบ้านตามที่คาดไว้
เบื้องต้นพบว่า เจ๊แก้วหายไป พร้อมทรัพย์สินมูลค่ารวมเกือบ 1 ล้านบาท ได้แก่ แหวนทองหนัก 2 สลึง, สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท, สร้อยข้อมือทองคำหนัก 10 บาท, เงินสดจากการขายทุเรียนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท รวมถึงโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสามีของเจ๊แก้วตรวจสอบแผงทุเรียน พบว่า โทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องถูกทิ้งไว้ในลิ้นชักโต๊ะบัญชี ส่วนทองรูปพรรณทั้งหมดหายไป นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่าก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกันเล็กน้อยเรื่องติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บ้านและที่ร้าน ทำให้ภรรยาไม่พอใจและตัดสัญญาณกล้องตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันเกิดเหตุ
ทั้งนี้ สามียังเล่าย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อ 2-3 ปีก่อนว่า เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวและเจ๊แก้วก็เคยหายตัวไปจากบ้านนานประมาณ 10 วัน ก่อนกลับมา ซึ่งครั้งนั้นแม้จะมีปัญหาแต่ก็ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ พร้อมทั้งวิงวอนหากภรรยาน้อยใจขอให้กลับมาคืนดี หรือหากเป็นการถูกชิงทรัพย์ ขอเพียงให้คืนตัวคนกลับมาก็พอ
ด้านความคืบหน้าทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า หลังจากเลิกงานที่ตลาดโพธิ์หวาย เจ๊แก้วขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านและขับผ่านสามแยก มุ่งหน้าไปทางวัดพัฒนาราม ตำบลตลาด อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่ง ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้าน โดยปกติแล้วต้องเลี้ยวเข้าถนนร่มเกล้าไปยังซอยตลาดล่าง 25
ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ยังไม่ตัดประเด็นปัญหาในครอบครัว และได้สั่งการให้สายตรวจเข้าค้นหา ตรวจสอบโรงแรม รีสอร์ท และห้องพักต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อเร่งติดตามตัวเจ๊แก้วและยานพาหนะที่ใช้ในวันเกิดเหตุ
