ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว. กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ศิการ ไม้คู่ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม น.ส.ปรียานุช ฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 4930/2567 ลงวันที่ 8 ต.ค.2567 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกัน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านใน ม.2 ต.ตะเคียนเตี้ย อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในรูปแบบต่างๆ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป และบุคคลตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการหลอกลวงประชาชน โดยได้รับแจ้งจากสายลับพบว่า น.ส.ปรียานุช ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 4930/2567 ลงวันที่ 8 ต.ค.2567 ได้หลบหนีมาอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. จึงได้เข้าจับกุม น.ส.ปรียานุชฯ
จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหามีชื่อเป็น 1 ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ จะทำการสุ่มโทรศัพท์หาเหยื่อโดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหาดใหญ่ ใช้กลอุบายสร้างสถานะการข่มขู่ให้ผู้เสียหายกลัว หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเรื่องต่างๆ จำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบทรัพย์สินที่มี และให้ผู้เสียหายที่หลงเชื่อโอนเงินมาให้ในบัญชีที่กลุ่มคนร้ายเตรียมไว้ โดยอ้างว่าเพื่อทำการตรวจสอบ และเมื่อผู้เสียหายโอนเงินมาให้ก็จะทำการโอนถ่ายเงินของผู้เสียหายต่อไปยังบัญชีผู้อยู่ในขบวนการ ทำให้ผู้เสียหายสูญเสียเงินที่โอนไป เบื้องต้นตรวจสอบทราบว่ามีผู้เสียหายในคดีนี้จำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 10 ล้านบาท
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบี้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตามข้อกล่าวหา อ้างว่าตนไม่เคยรับจ้าง ไปเปิดบัญชีธนาคารให้ใคร แต่ตนเคยสมัครแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน และเชื่อว่าถูกแอปฯเถื่อนดังกล่าวนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 08 5828 9599 เตือนภัย ปัจจุบันอาชญกรรมในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีจำนวนมาก ผู้คนทั่วไปที่รู้ไม่เท่าทัน ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากที่ต้องสูญเสียเงินไปกับกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้
ดังนั้น ก่อนที่จะมีการโอนเงินไปยังบุคคลที่เราไม่รู้จักหรือโอนเงินเพื่อทำธุรกรรมใดๆ เราควรจะทำการตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เช่น หากมีมิจฉาชีพทำการ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาข่มขู่ แจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ หรือมีการแจ้งให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบต่างๆ ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขอแจ้งให้ทราบว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จะไม่มีการแจ้งหมายหรือข้อหาผ่านทางโทรศัพท์แต่อย่างใด จะเป็นการส่งหมายเรียกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผ่านทางไปรษณีย์เท่านั้น ไม่มีการแจ้งผ่านทางโทรศัพท์ และขอแจ้งให้ทราบว่า การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารของตนเองนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยมีความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า “เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ พี่น้องประชาชนทราบถึงความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับบัญชีม้า และวิธีป้องกันตนเอง โดยอย่าเปิดบัญชีธนาคารให้กับคนอื่น, อย่าให้ใครยืมใช้บัญชีธนาคาร, หมั่นตรวจสอบบัญชีเป็นประจำ หากพบความผิดปกติ ให้รีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อขอคำแนะนำ และระงับบัญชี, ระวังข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัตรประชาชนทั้งด้านหน้า-หลัง, รหัส OPT ของธนาคาร เพราะมิจฉาชีพอาจนำข้อมูลเหล่านั้น ไปเปิดบัญชีม้าได้ และกรณีที่มีหมายเรียกจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจมายังท่าน ขอให้ดำเนินการตามหมายเรียก อย่าละเลยไม่ดำเนินการตามหมายเรียก มิฉะนั้นอาจเป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับได้
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน