จากกรณี ทนายคนดังถูกเศรษฐินีชาวไทยแจ้งความข้อหาฉ้อโกงฯ เงิน 71 ล้านบาท ที่ สภ.ปากช่อง ต่อมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้นำหลักฐานการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผยผ่านช่องทางออนไลน์ของตัวเอง กระทั่งมีหลายคนที่เคยใกล้ชิดออกมาแฉถึงพฤติกรรมของทนายคนดัง จนกลายลุกลามเป็นเรื่องราวใหญ่โต จากกรณีกำลังเป็นกระแสร้อนแรงสำหรับทนายคนดัง อย่างทนายตั้ม ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 67 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง ที่บ้านดงจำปา อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร บ้านของนายไชยพล วิภา หรือลุงพล กับ นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น
ซึ่งได้สอบถามถึงความคิดเห็น ความสัมพันธ์กับทนายคนดังที่เคยใกล้ชิดและว่าความให้ โดยเปิดเผยว่า ได้เห็นข่าวตามหน้าสื่อไปบ้างแล้วส่วนจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานต้องคอยติดตามกันต่อไป อยากให้ทนายคนดังออกมาพิสูจน์ตัวเองสังคมจะได้ไม่ตำหนิ แต่เบื้องต้นมองว่าทุกอย่างต้องไปพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของทนายคนดังที่เข้ามาดูแลตนเรื่องคดีความน้องชมพู่ขณะนั้น ด้านรายละเอียดตรงนี้ก็จะเป็นกลุ่มแฟนคลับที่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่ข้างหลัง เนื่องจากตอนนั้นตนยังไม่มีกำลังมากพอที่จะจ่ายค่าทนาย โดยทนายดังได้มีการไปตกลงกันเองกับแฟนคลับ
ส่วนราคาว่าความประมาณ 3 ล้านบาท ต่อมาเจรจาขอลดลงเหลือ 2 ล้านบาท ไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆ ทนายคนดังก็ขอยุติบทบาทลง โดยให้เหตุผลว่า ไปได้ยินยูทูบเบอร์ไลฟ์สดประมาณว่าเจองูกับทนายให้ตีทนายก่อน ซึ่งตอนนั้นตนก็ตกใจมากเนื่องจากเหตุผลดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตน จากนั้นเป็นต้นมาก็ต่างคนต่างเดิน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอีกว่า เมื่อพูดมาถึงจังหวะที่พูดเรื่องเหตุผลทำให้ต้องแยกย้ายกันไป ลุงพลเริ่มน้ำตาคลอขณะเดียวกันป้าแต๋นก็พยามห้ามไม่ให้พูดถึงอดีตเพราะเรื่องมันจบไปนานแล้ว
แต่สุดท้าย นายไชยพลหรือลุงพล ก็ทนไม่ไหวขอพูดระบายความในใจมาว่า ทนายคนดังเคยแนะนำตนให้ไปเรียนนิติศาสตร์ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย และยังพูดฝากมาถึงตนผ่านสื่อว่า เรียนเนอย่าไปเนรคุณใคร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เห็นแล้วว่าคำพูดนี้กลับย้อนไปหาเขาซึ่งเขาเคยดูถูกตนไว้เมื่อครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ฝากให้กำลังใจทั้งผู้เสียหายและทนายคนดัง ส่วนตัวไม่ขอตัดสินใครเพราะเคยถูกกระแสสังคมตัดสินมาแล้ว คนนึงก็คือคนคุ้นเคยกันและอีกคนคือผู้เสียหายที่ไม่รู้จักแต่ก็น่าเห็นใจเพราะเสียหายเยอะขนาดนั้น